ศัลยกรรมเสริมขมับคืออะไร

หลายคนหากได้ยินคำว่า “เสริมขมับ” อาจเกิดข้อสงสัยในใจว่า เอ๊ะ…ศัลยกรรมขมับคืออะไร น่ากลัวไหม แผลผ่าตัดใหญ่ไหม ฟักพื้นนานหรือเปล่า วันนี้จะขอพามาทำความรู้จักหัตถการนี้กันค่ะ 

หัตถการเสริมขมับนั้น เป็นการเติมเต็มในส่วนของขมับที่มีปัญหา “ยุบ บุ๋ม โบ๋” ซึ่งการผ่าตัดนี้มีมานานแสนนานแล้วค่ะ แต่เนื่องด้วยในอดีตนั้นอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร จึงทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมค่ะ

ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมไปถึงเทคนิคของแพทย์ที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผ่าตัด ความปลอดภัย และความเป็นธรรมชาติของการทำศัลยกรรม แถมในเรื่องของผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ 

ส่งผลให้การศัลยกรรมนี้เป็นที่ยอมรับ จริงๆแล้วการทำหัตการนี้ สามารถทำได้หลายวิธีนะคะ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดฟิลเลอร์,การฉีดไขมัน แต่ที่ได้รับความนิยมสุดๆ

ขมับยุบ ขมับตอบ เกิดจากอะไร ?

อีกหนึ่งสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาใบหน้าแลดูมีอายุ ก็คงหนีไม่พ้น “ปัญหาขมับตอบ” ซึ่งปัญหานี้เกิดจากการที่เนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสตินที่เป็นโครงสร้างของผิวหนังนั้นไม่แข็งแรงดังเดิม จึงทำให้บริเวณขมับนั้นดูบุ๋มเข้าไป ไม่เต็มแบบเมื่อก่อน 

ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ปัญหาขมับตอบนี้สามารถเกิดได้จากปัจจัยหลักๆ 2 อย่างเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างของกระโหลกศีรษะแต่ละคน และ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ในหัวข้อนี้จะขอเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับสาเหตุของขมับตอบให้ฟังกันค่ะ เชิญรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

• โครงสร้างกระโหลกศีรษะของแต่ละคน 

ตามลักษณะโครงสร้างใบหน้าของคนทั่วไปนั้น บริเวณขมับจะมีกล้ามเนื้อมัดใหญ่อยู่นะคะ สำหรับคนที่ผิวบริเวณขมับนั้นเป็นนั้นบุ๋มเข้าไป ขมับตอบ หรือดูไม่เต็ม นั่นเป็นเพราะกล้ามเนื้อด้านข้างบริเวณขมับนั้นมีขนาดเล็กหรือฝ่อกว่าคนอื่นค่ะ ซึ่งการที่เนื้อบริเวณนี้ฝ่อนั้น จะทำให้พื้นที่บริเวณขมับนั้นไม่ะถูกเติมเต็ม จึงส่งผลให้ผิวหนังด้านนอกนั้นดูยุบลงไปนั่นเองค่ะ

• อายุที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นกล้ามเนื้อบริเวณขมับจะหดตัวลง รูขุมขนแลดูกว้างขึ้น ส่งผลให้เกิดเป็นรอยบุ๋มเข้าไปค่ะ ซึ่งเกิดจากการที่โครงสร้างของผิวนั้นเกิดความหย่อนคล้อย เสื่อมสภาพ ทั้งจากภายนอกและภายในนั่นเอง

ขมับตอบแก้ไขด้วยวิธีใดได้บ้าง

เทคโนโลยีทางการแพทย์ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆตามยุคตามสมัย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการแก้ไขปัญหาให้แก่คนไข้ 

ในยุคที่การศัลยกรรมถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป “การเสริมขมับ” ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับหัตถการอื่นๆเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่มีปัญหา ขมับตอบ ขมับบุ๋ม หรือขมับยุบ สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมเต็มบริเวณขมับนั่นเองค่ะ 

หากจะเอ่ยถึงสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวนั้น หลายคนอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีสาเหตุหลักๆมาจากอะไรบ้าง

โดยวิธีการแก้ไขปัญหานั้น คือการเติมเต็มบริเวณดังกล่าว ซึ่งการเติมเต็มมีหลากหลายรูปแบบเลยนะคะ ไม่ว่าะเป็นการเติมเต็มด้วยการฉีดไขมัน ฉีดฟิลเลอร์ และวัสดุสังเคราะห์ หรือที่เราเรียกกันว่า “ซิลิโคน”นั่นเองค่ะ ดังนั้นวันนี้จะขอเล่าให้ฟังนะคะว่า การเติมเต็มบริเวณขมับนั้น มีวิธีใดบ้าง เชิญรับฟังพร้อมันได้เลยค่ะ

• การฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่มีหลากหลายประเภทค่ะ แต่ฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยและได้รับความนิยมคือ กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งจะต้องมีความบริสุทธิ์ 100 % ค่ะ อ้อ…ฟิลเลอร์ที่ดีต้องไม่ตกค้างในร่างกายของเราด้วยนะคะ ข้อดีของกรดไฮยาลูรอนิก นั้นสามารถฉีดเข้าสู่ร่างกายได้เลยค่ะ แถมไม่ต้องพักฟื้นด้วยนะคะ แต่ฟิลเลอร์ตัวนี้มีอายุอยู่ได้ 8-12 เดือนเท่านั้นนะคะ แล้วจะสลายไปเองตามธรรมชาติค่ะ ดังนั้นหมายความว่าหลังจากที่ตัวฟิลเลอร์สลายไปหมดแล้ว จำเป็นต้องกลับมาเติมใหม่อีกนั่นเอง

• การฉีดไขมัน

เป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย มาฉีดเพื่อเติมเต็มส่วนที่บกพร่องของร่างกายค่ะ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นถาวรเลยนะคะ เนื่องจากเซลล์ไขมันนั้นเป็นเซลล์ที่มีชีวิตค่ะ แต่ข้อจำกัดของการฉีดไขมันก็มีนะคะ ข้อจำกัดที่ว่านั้นก็คือ การปลูกถ่ายเซลล์ไขมันนั้นจะติดได้ไม่หมดนะคะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเซลล์ไขมัน เทคนิคการเตรียมไขมัน และเทคนิคการฉีดไขมันของแพทย์ด้วยค่ะ

• ศัลยกรรมผ่าตัดเสริมด้วยซิลิโคน

ปัจจุบันการเสริมด้วยซิลิโคนสำเร็จรูปนั้น ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับช่องว่างของขมับ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดูเป็นธรรมชาติค่ะ การผ่าตัดนั้นสามารถทำได้โดยง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย ที่สำคัญแผลจะถูกซ้อนไว้บริเวณขอบไรผมทำให้มองไม่เห็นรอยแผลด้วยนะคะ แถมอาการบวมยังน้อยกว่าการฉีดไขมันด้วยนะคะ ซึ่งต่างจากในอดีตที่ใช้ซิลิโคน Blockle มาเหลา ส่งผลให้รูปร่างไม่สม่ำเสมอ แถมยังดุไม่ค่อยเป็นธรรมชาติด้วยค่ะ

การผ่าตัดเสริมขมับด้วยซิลิโคนดีอย่างไร

ในปัจจุบันการแก้ไขขมับยุบ ขมับบุ๋ม นั้นมีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่ยั่งยืน ถาวร และได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น “การเสริมขมับด้วยซิลิโคน” ค่ะ เนื่องจากการเสริมขมับด้วยซิลิโคนนั้น นอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานแล้ว ยังช่วยให้ใบหน้าของเรานั้นดูสดชื่น สุขภาพดีด้วยนะคะ และที่สำคัญ ศัลยกรรมเสริมขมับเพียงครั้งเดียว แต่การเติมเต็มนั้นอยู่ไปนานตลอดชีพเลยค่ะ 

ดังนั้น ในหัวข้อนี้จะเล่าให้ฟังนะคะว่า การเสริมขมับด้วยซิลิโคนนั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง และนั่นแหละค่ะ เป็นเหตุผลที่ทำให้วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมจากสาวๆหลายๆคน ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

• เป็นการเติมเต็มบริเวณขมับอย่างถาวร แถมยังเพิ่มวอลุม เพิ่มมิติให้แก่ใบหน้าในระยะยาวด้วยนะคะ

• ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้นค่ะ

• ช่วยให้ใบหน้านั้นดูหวานละมุนมากขึ้นด้วยนะคะ

• ใบหน้าเด็ก ดูเอิบอิ่ม แลดุอ่อนกว่าวัย

• ลดความเด่นชัดของโหนกแก้มลง ช่วยให้ใบหน้าดูได้รูปมากขึ้น

ตำแหน่งแผลของศัลยกรรมขมับด้วยซิลิโคน

“รอยแผลเป็น” อาจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความไม่สบายใจให้กับสาวๆหลายคน ทั้งนี้รอยแผลเป็นนั้นอาจเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้สาวๆหลายคน ไม่กล้าตัดสินใจทำศัลยกรรมขมับ เนื่องจากคนไข้กังวลว่าการเสริมขมับจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บริเวณใบหน้า ทำให้หมดความมั่นใจหรือไม่ 

ต้องขอบอกก่อนเลยนะคะว่า ด้วยเทคนิคของศัลยแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง คนไข้สามารถหมดกังวลเรื่องรอยแผลเป็นไปได้เลยค่ะ เนื่องจาก การศัลยกรรมขมับนั้น แพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณไรผมแล้วดำเนินการตามขั้นตอนให้คนไข้ พร้อมเทคนิคการเย็บแผลที่ปราณีตของแพทย์  ทำให้โอกาสการเห็นรอยแผลเป็นนั้นเป็นไปได้ยากมากเลยค่ะ 

ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมขมับ

• อันดับแรกเลยแพทย์จะทำการฉีดยาชาหรือดมยาสลบ ในกรณีที่ฉีดยาชานั้น แพทย์จะฉีดบริเวรไรผมประมาณ 3-4 ซม. และบริเวณขมับ

• หลังจากนั้นแพทย์จะทำการลงแผลผ่าตัดบริเวณหลังไรผมประมาณ 3 ซม. ซึ่งความยาวแผลจะอยุ่ทีป่ระมาณ 2-3 ซม. เพื่อเปิดช่องว่างบริเวณขมับ

• จากนั้นจะใส่ซิลิโคนเข้าไปบริเวณที่เปิดแผล พร้อมทั้งจัดเรียงจนได้ตำแหน่งที่เหมาะสม

• แพทย์จะทำการเย็บปิดแผลด้วยความปราณีต โดยใช้ไหมขนาดเล็ก

เสริมขมับที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีซดีอย่างไร

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เผชิยกับปัญหา “ขมับตอบ” และกำลังเกิดข้อสงสัยว่า “ศัลยกรรมเสริมขมับที่ไหนดี” วันนี้เรามีคำตอบค่ะ เนื่องจากหากเราตัดสินใจศัลยกรรมกับโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่หากเราโชคร้ายเลือกสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ก็อาจทำให้เราได้เผชิญกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน 

ดังนั้นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เราควรศึกษาข้อมูลต่างๆประกอบการตัดสินใจโดยละเอียด วันนี้จะขอเล่าให้ฟังนะคะว่า เราควรเลือกพิจารณาจากอะไรบ้าง ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

• ความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล

โรงพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับมาตรฐาน มีความพร้อมของทีมแพทย์ เครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงห้องผ่าตัดทีไ่ด้รับมาตารฐานค่ะ

• ความชำนาญของแพทย์

อย่างแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือ แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของแพทย์ ซึ่งสามารถดูได้จากรีวิวของผู้เข้ารับบริการจริง, ประสบการณ์ของแพทย์, ความน่าเชื่อถือ, ใบประกอบวิชาชีพ และการให้คำปรึกษาของแพทย์ ซึ่งข้อดีของการปรึกษาแพทย์โดยตรง ทำให้เรารู้วิธีการรักษา ความน่าเชื่อถือของแพทย์ แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจะสามารถอธิบาย ให้คำแนะนำได้อย่างละเอียดและถูกต้องค่ะ

• ห้องผ่าตัด เครื่องมือที่ได้รับมาตรฐาน 

เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรมเสริมขมับของเรามีความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายระหว่างผ่าตัด จำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลเบื้องต้น เกี่ยวกับมาตารฐาของโรงพยาบาลให้ดี รวมไปถึงเครื่องมือที่ทันสมัย สะอาด ปลอดเชื้อด้วยนะคะ

• ราคาและโปรโมชั่นต่างๆ

การเลือกศัลยกรรมขมับ กับคลีนิคทั่วไปพราะราคาถูกนั้น อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือแย่กว่าที่คาดหวังไว้ เกิดผลข้างเคียงต่างๆตามมามากมาย ดังนั้นก่อนเราจะตัดสินใจว่าจะศัลยกรรมเสริมขมับที่ไหนดี ควรสอบถามข้อมูล ราคา โปรโมชั่นต่างๆ ให้ชัดเจนเสียก่อน รวมไปถึงตรวจเช็ครีวิวจากคนไข้จริงให้ดี เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงฝีมือแพทย์และผลลัพธ์ที่เราควรได้รับอีกด้วยค่ะ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมขมับ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดนั้นสำคัญนะคะ เนื่องจากหากเราปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นขณะเข้ารับการผ่าตัด หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังเข้ารับการผ่าตัดได้อย่างดีเลยค่ะ ดังนั้นเรามาดูกันนะคะว่า ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมขมับนั้นมีอะไรบ้าง ไปรับฟังพร้อมกันเลยค่ะ

• อันดับแรกเลย ต้องงดยาต้านการอักเสบ งดสูบบุหรี่ งดอาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 14 วันก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ

• ในกรณีที่คนไข้มีภาวะความดันโลหิตสูงนั้น ต้องทำการควบคุมระดับความดันให้เป็นปกติก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

• ในส่วนของสมุนไพร วิตามินอี รวมไปถึงอาหารที่มีส่วนผสมของผงชูรส กระเทียม หัวหอม ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ควรงดก่อนนะคะ เพราะว่าอาหารที่กล่าวมาข้างต้นนั้นจะทำให้เลือดออกเยอะผิดปกติค่ะ ดังนั้นควรงดก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 7-10 วันนะคะ

• สระผม ทำความสะอาดร่างกาย ก่อนเข้ารับการผ่าตัดนะคะ

• คนไข้ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ให้แพทย์ทราบโดยละเอียด หรือหากมียาที่จำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำควรแจ้งแพทย์ด้วยเช่นกันนะคะ

• เตรียมสภาวะร่างกายและจิตใจให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด อย่าตื่นเต้นจนเกินไปนะคะ

• รับฟังรายละเอียด คำแนะนำของแพทย์ รวมไปถึงผลลัพธ์หลังการผ่าตัดหรือการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างละเอียด เพื่อลดระยะเวลาในการพักฟื้น รวมไปถึงลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังเข้ารับการผ่าตัดค่ะ

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมขมับ

• หลังจากเข้ารับการทำเสริมขมับแนะนำว่าในช่วงแรกควรนอนหมอนสูงยกศีรษะ เพื่อลดอาการบวมนะคะ

• ในส่วนของการทำความสะอาดแผลแนะนำว่าให้ใช้ไม่พันสำลีชุบน้ำเกลือและเช็ดบริเวณแผลอย่างเบามือนะคะ หากอยากสระผม ก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ต้องเกาอย่างเบามือนะคะ เพื่อล้างคราบเลือดที่เกาะแผลออก หลังจากนั้นรีบซับให้แห้งทันทีนะคะ 

• ในส่วนของการประคบเย็น คนไข้สามารถใช้แผ่นเจลประคบเย็นสำเร็จรูปวางบนผ้าสะอาดแล้วทำการประคบวันละ 4 ครั้ง ประมาณ 7-10 วันนะคะ เพื่อลดอาการบวมค่ะ แต่หากหลังจากที่ตัดไหมไปแล้วนั้น บริเวณแผลยังมีรอยเขียวช้ำอยู่ คนไข้สามารถประคบอุ่นได้เลยนะคะ โดยจะประคบวันละ 2 ครั้งค่ะ หลังจากนั้นรอยฟกช้ำก็จะจางหายได้ตามธรรมชาติเลยค่ะ

• หลังจากผ่าตัดครบ 7 วันแล้ว แนะนำให้คนไข้กลับมาพบแพทยือีกครั้ง เพื่อคลายไหมบริเวณศีรษะค่ะ ช่วยลดอาการตึงด้วยนะ หลังจากนั้นเมื่อครบ 10 วัน ก็สามารถตัดไหมได้แล้วนะคะ 

• หลังตัดไหมไปแล้ว หากพบว่ายังมีไหมหลงเหลืออยู่ คนไข้สามารถดึงหรือตัดออกได้เลยค่ะ ต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าคนไข้อย่าเพิ่งตกใจ หรือวิตกกังวลนะคะหากพบว่าบริเวณขมับนั้นยังมีอาการบวมและอาการชาอยู่ อาการเหล่านั้นจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับนะคะ

• อ้อ…อย่าลืมรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนด้วยนะคะ หากมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ควรรีบมาพบแพทย์ทันทีเลยนะ

• การรับประทานอาหารนั้น คนไข้สามารถรับประทานอาหาร โดนแสงแดด รวมไปถึงออกกำลังกายได้ตามปกติเลยค่ะ

จากที่อ่านมาข้างต้น การดูแลตัวเองหลังการทำศัลยกรรมขมับนั้นง่ายกว่าที่คิดใช่ไหมคะ หากเรานั้นปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่ชำนาญยกกระชับหน้าอย่างเคร่งครัดแล้วละก็ จะช่วยลดระยะเวลาพักฟื้นได้เยอะเลยนะคะ แถมยังทำให้เราสวยเร็วขึ้นอีกด้วยนะซ